#Entrepreneur
Entrepreneur
เข้าใจง่ายๆ
แปลว่า ผู้ประกอบการ หรือ
ความรู้สึกเป็นเจ้าของในธุรกิจที่ทำ
คำคำนี้คือหนึ่งในคุณสมบัติหลักที่สำคัญมากๆ
เป็นสิ่งที่ใครๆไม่ว่าจะเป็นองค์กรใหญ่หรือเล็กก็ล้วนอยากให้ทุกคนในบริษัททุกตำแหน่งมีความรู้สึกเป็นเจ้าของบริษัท
มีหลักคิดที่เป็นผู้ประกอบการ
คนทำงานธุรกิจส่วนตัวนั้นจำเป็นตัองมีอยู่แล้วในหลักคิดผู้ประกอบการเพราะธุรกิจนี้เป็นของเราเอง
แต่ในอีกด้านคือการที่จะจ้างพนักงานหรือผู้บริหารงานมาบริหารมาทำงานแทนเราในองค์กรสักคน
คำว่า Entrepreneur
คำนี้ถูกกำหนดในคุณสมบัติหลักในการรับคนเข้าทำงานในระดับต้นๆ
ถูกตั้งเป็นคำถามเวลาสัมภาษณ์งานแบบต้องการทราบถึงมุมมองความคิดในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
คงจะมีคนสงสัยว่าทำไมจึงต้องการให้คนที่เป็นลูกจ้าง
หรือคนที่บริษัทจ้างมาทำงาน
ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หรือ
ผู้บริหาร ต้องมีความคิดเป็นเจ้าของบริษัท
Entrepreneur
และปฎิบัติตนแบบเป็นเจ้าของกิจการร่วมกันกับองค์กร
ดังผู้ถือหุ่นกันเลยที่เดียว
เพราะเมื่อทุกคนคิดว่าธุรกิจนี้เป็นของเขา
ธุรกิจนี้จะมีดีมากกว่าแค่ยอดขายโตแต่เราจะมีคนคอยระวัง
มีคนคอยปกป้องผลประโยชน์ขององค์กร
ปกป้องชื่อเสียง และ
สร้างความยั่งยื่นให้กับองค์กรได้มากกว่าแค่
SAVE
COST หรือการประหยัดต้นทุนให้กับบริษัทได้
ซึ่งการที่เจ้าของกิจการหลายบริษัทต้องการที่จะยัดเยียด
คำว่า #Entrepreneur
ให้พนักงานทุกคน
นั้นต้องมีจิตวิญญาณความเป็นเจ้าของกิจการ
ถ้าองค์กรไหนทำได้นั้นถือว่าองค์นั้นเก่งมาก
และยังไม่พอยังจะสามารถสร้างความเติบโตแบบยั่งยืนได้อย่างแน่นอน
ซึ่งการที่อยากให้ทุกคนมีแนวคิดแบบนี้
มิใช่เพียงแค่คำพูด
การปลุกใจเท่านั้น
จะทำให้พนักงานทุกมีใจมีเป้าหมายร่วมกันได้
ยังต้องมีการวางแผนเรื่องของการทำงานการบริหารงานอย่างเป็นระบบ
ภายในองค์กรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
จุดเริ่มต้นตั้งแต่การคัดสรรหาบุคลากร
การอบรมจาก HR
สู่การอบรมแต่ละแผนก
เพื่อให้ทุกคนในองค์กรมุ่งสู่
Vision
เดียวกันและปฏิบัติตาม
Mission
เดียวกันของบริษัท
ส่งที่ขาดไม่ได้คือ
การจะทำสิ่งใดๆ
ต้องเริ่มจาก WIN
WIN Concept การที่คนเราจะทำอะไร
และทำได้ดีต้องมีรางวัล
รางวัลที่กำหนดจะต้องมุ่งสู่การสนับสนุนแนวคิดการเป็น
Entrepreneur
ด้วยดังนั้น
ตัวชี้วัด หรือ KPI
จึงสำคัญในขั้นตอนนี้
เพราะไม่มีใครทำอะไรให้ใครฟรีไปตลอด
ยิ่งพนักงานระดับไม่สูงจะมีความคิดเป็นเจ้าของธุรกิจได้เหมือนกับเจ้าของกิจการนั้น
ไม่ง่ายจริงๆดังนั้น
การเป็นเถ้าแก่นั้น
ก็ยังมีทั้งเถ้าแก่ที่ดี่
และ เถ้าแก่ที่ไม่ดี
เถ้าแก่ที่รุ่งเรือง และ
เถ้าแก่ที่เจ๊ง
ควรมีการอบรมและสอนวิธีการทำงานและวิธีคิดแบบเถ้าแก่
ว่าเขาคิดกันอย่างไรทำกันอย่างไรกันนะ
และ
จัดรูปแบบการประเมิณผลเป็นส่วนย่อยเพื่อไปสู่ภาพรวม
และมีรางวัลให้เมื่อบรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการ
เพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำ
ครับ
Comments
Post a Comment